การพูดหรือเล่าเรื่องของคนอื่นในภาษาอังกฤษสามารถทำได้สองแบบหลัก ๆ คือ Direct Speech (คำพูดโดยตรง) และ Indirect Speech (คำพูดโดยอ้อม) ซึ่งเป็นหัวข้อพื้นฐานที่สำคัญในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

ความหมายและโครงสร้างของ Direct Speech
นิยามของ Direct Speech Direct Speech หรือ คำพูดโดยตรง คือการถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น "ตามคำพูดเดิม" โดยใช้เครื่องหมายคำพูด (") ครอบข้อความไว้ เช่น:
ตัวอย่าง:
She said, "I am hungry." (เธอพูดว่า "ฉันหิว")
Tips:
ใช้เครื่องหมายคำพูด (quotation marks)
คำพูดยังคงรูปเดิม ไม่มีการเปลี่ยน tense หรือสรรพนาม
มักใช้ในนิยาย ข่าว รายงาน และบทสนทนา
โครงสร้างของ Direct Speech
โครงสร้าง: Subject + reporting verb + "," + "quoted speech"
ตารางโครงสร้าง:
รูปแบบ | ตัวอย่าง | คำแปล |
---|---|---|
Subject + said, "..." | He said, "I like coffee." | เขาพูดว่า "ฉันชอบกาแฟ" |
Subject + asked, "..." | She asked, "Do you like pizza?" | เธอถามว่า "คุณชอบพิซซ่ามั้ย?" |
ความหมายและโครงสร้างของ Indirect Speech
นิยามของ Indirect Speech Indirect Speech หรือ คำพูดโดยอ้อม คือการถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น "โดยไม่ใช้คำพูดตรง ๆ" แต่เปลี่ยน tense, สรรพนาม และบางคำตามบริบท
ตัวอย่าง:
She said that she was hungry. (เธอบอกว่าเธอหิว)
Tips:
ไม่มีเครื่องหมายคำพูด
มักใช้คำเชื่อม เช่น that, if, whether
ต้องเปลี่ยน tense, สรรพนาม, และคำแสดงเวลาให้ถูกต้อง
โครงสร้างของ Indirect Speech
โครงสร้าง: Subject + reporting verb + (that/if) + modified speech
ตารางโครงสร้าง:
ประเภทประโยค | Direct Speech | Indirect Speech | คำแปล |
บอกเล่า | "I am tired" | He said that he was tired. | เขาบอกว่าเขาเหนื่อย |
คำถาม Yes/No | "Are you coming?" | She asked if I was coming. | เธอถามว่าฉันจะมาไหม |
คำสั่ง | "Close the door!" | He told me to close the door. | เขาบอกให้ฉันปิดประตู |
การเปลี่ยนจาก Direct เป็น Indirect Speech
กฎการเปลี่ยน Tense เมื่อเปลี่ยนจาก Direct เป็น Indirect ต้องเปลี่ยนกาลเวลา (Tense) ให้ย้อนหลังไปหนึ่งระดับ เช่น:
Direct Tense | Indirect Tense | ตัวอย่าง |
Present Simple | Past Simple | "I eat" → He said he ate. |
Present Continuous | Past Continuous | "I am eating" → He said he was eating. |
Past Simple | Past Perfect | "I went" → He said he had gone. |
Tips:
หาก reporting verb เป็น past tense → tense ต้องเลื่อนไปหนึ่งขั้น
หากพูดเรื่องจริงทั่วไป (universal truth) → ไม่ต้องเปลี่ยน tense
การเปลี่ยนคำสรรพนามและคำแสดงเวลา
ตารางการเปลี่ยน:
ประเภท | คำใน Direct Speech | คำใน Indirect Speech |
สรรพนาม | I → he/she | you → I/he/she |
คำเวลา | today → that day | tomorrow → the next day |
สถานที่ | here → there | now → then |
ตัวอย่างบทสนทนาเปรียบเทียบ
ตัวอย่างในห้องเรียน
A: What did the teacher say?
B: She said, "You must submit your homework."
A: So she said that we must submit our homework?
B: Yes.
คำแปล:
A: ครูพูดว่าอะไรเหรอ?
B: เธอพูดว่า "พวกเธอต้องส่งการบ้าน"
A: งั้นเธอก็พูดว่าเราต้องส่งการบ้าน?
B: ใช่
ตัวอย่างในการรายงานข่าว
Reporter: The president said, "We will support education."
Anchor: The president stated that they would support education.
คำแปล:ผู้สื่อข่าว: ประธานาธิบดีพูดว่า "เราจะสนับสนุนการศึกษา"
ผู้ประกาศข่าว: ประธานาธิบดีระบุว่าพวกเขาจะสนับสนุนการศึกษา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Direct/Indirect Speech
Q: คำว่า that จำเป็นต้องใส่หรือไม่ใน Indirect Speech?
A: ไม่จำเป็น แต่ใส่แล้วทำให้ประโยคชัดเจนขึ้น
Q: Indirect Speech ต้องใช้ tense เดิมกับ Direct Speech ไหม?
A: ไม่ โดยทั่วไปจะลด tense ลง 1 ระดับ เช่น present → past
Q: ทำไมคำว่า "now" เปลี่ยนเป็น "then" ใน Indirect Speech?
A: เพราะ Indirect Speech มักรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
สรุปเทคนิคจำง่ายและฝึกใช้
สรุป:
Direct Speech ใช้คำพูดตรง มีเครื่องหมายคำพูด
Indirect Speech ต้องปรับ tense, สรรพนาม และคำแสดงเวลา
ใช้ that, if, to ใน Indirect Speech ตามประเภทประโยค
เทคนิค:
ฝึกเปลี่ยนจาก Direct → Indirect วันละ 5 ประโยค
ใช้ตารางสรุปเทียบ tense
ฟังข่าวภาษาอังกฤษและฝึกพูดเล่าใหม่ในรูป Indirect
Tips:
ใช้ได้ในชีวิตจริง เช่น การเล่าเหตุการณ์ หรือรายงานข่าว
พื้นฐานสำคัญสำหรับ TOEIC, IELTS และการเขียน formal
ฝึกในบทสนทนาให้คล่องขึ้น

Sea