การเรียนรู้ "Pronoun" หรือคำสรรพนามในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการพูด อ่าน เขียน และฟังภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ คำสรรพนามช่วยหลีกเลี่ยงการใช้คำนามซ้ำ ๆ และทำให้ประโยคกระชับและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ประเภทของคำสรรพนามภาษาอังกฤษทั้ง 9 ประเภท
1. Personal Pronouns (คำสรรพนามบุรุษ)
ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งของในฐานะประธาน (subject) หรือกรรม (object) ของประโยค เช่น I, you, he, she, it, we, they
คำศัพท์ | ประเภท | คำแปล |
---|---|---|
I | ประธาน | ฉัน |
me | กรรม | ฉัน (เป็นกรรม) |
he | ประธาน | เขา (ผู้ชาย) |
him | กรรม | เขา (ผู้ชาย) |
we | ประธาน | พวกเรา |
us | กรรม | พวกเรา |
ตัวอย่าง:
She loves music. (เธอชอบดนตรี)
I saw him at the mall. (ฉันเห็นเขาที่ห้าง)
ข้อควรรู้ :
ใช้สรรพนามให้ตรงกับบทบาทในประโยค
สรรพนามเปลี่ยนไปตามจำนวนและเพศ
2. Possessive Pronouns (คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ)
เช่น mine, yours, his, hers, ours, theirs
คำศัพท์ | คำแปล |
mine | ของฉัน |
yours | ของคุณ |
his | ของเขา (ผู้ชาย) |
hers | ของเธอ |
ตัวอย่าง:
That book is mine. (หนังสือเล่มนั้นเป็นของฉัน)
Is this pen yours? (นี่คือปากกาของคุณใช่ไหม)
3. Reflexive Pronouns (คำสรรพนามสะท้อนกลับ)
ใช้เมื่อประธานกับกรรมเป็นคนเดียวกัน เช่น myself, yourself, himself
คำศัพท์ | คำแปล |
myself | ตัวฉันเอง |
yourself | ตัวคุณเอง |
himself | ตัวเขาเอง (ผู้ชาย) |
ตัวอย่าง:
I made it myself. (ฉันทำมันด้วยตัวเอง)
She looked at herself in the mirror. (เธอมองตัวเองในกระจก)
ข้อควรรู้ :
ใช้เมื่อผู้กระทำและผู้รับการกระทำเป็นคนเดียวกัน
ลงท้ายด้วย -self หรือ -selves
4. Demonstrative Pronouns (คำสรรพนามชี้เฉพาะ)
เช่น this, that, these, those
ตัวอย่าง:
This is delicious. (นี่อร่อยมาก)
Those are my shoes. (นั่นคือรองเท้าของฉัน)
ข้อควรรู้ :
ใช้ชี้สิ่งของ/บุคคลตามระยะใกล้-ไกล
this/these ใช้กับสิ่งใกล้, that/those ใช้กับสิ่งไกล
5. Interrogative Pronouns (คำสรรพนามคำถาม)
เช่น who, whom, whose, what, which
ตัวอย่าง:
Who is calling me? (ใครโทรหาฉัน)
Which is your bag? (กระเป๋าใบไหนของคุณ)
ข้อควรรู้ :
ใช้ขึ้นต้นประโยคคำถาม
ใช้เพื่อถามเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของ
6. Relative Pronouns (คำสรรพนามเชื่อมประโยค)
เช่น who, whom, whose, which, that
ตัวอย่าง:
The man who called you is my uncle. (ผู้ชายที่โทรหาคุณคือคุณลุงของฉัน)
ข้อควรรู้ :
ใช้เชื่อมประโยคหลักกับประโยคย่อย
มักใช้ในประโยคบอกเล่าเพื่อขยายคำนาม
7. Indefinite Pronouns (คำสรรพนามไม่เจาะจง)
เช่น someone, anyone, everyone, nobody, something
ตัวอย่าง:
Someone is knocking on the door. (มีใครบางคนเคาะประตู)
ข้อควรรู้ :
ใช้กล่าวถึงบุคคลหรือสิ่งของโดยไม่เจาะจง
คำเหล่านี้สามารถเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ขึ้นอยู่กับบริบท
8. Reciprocal Pronouns (คำสรรพนามซึ่งกันและกัน)
เช่น each other, one another
ตัวอย่าง:
They love each other. (พวกเขารักกันและกัน)
ข้อควรรู้ :
ใช้เมื่อการกระทำเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
มักใช้ในประโยคที่มีความสัมพันธ์หรือการกระทำร่วม
9. Intensive Pronouns (คำสรรพนามเน้นย้ำ)
ใช้รูปเหมือนกับ reflexive pronouns แต่มีหน้าที่เน้นประธาน เช่น myself, yourself, himself
ตัวอย่าง:
I myself baked the cake. (ฉันเองที่อบเค้กนั้น)
ข้อควรรู้ :
ใช้เพื่อเน้นประธาน
วางหลังประธานหรือท้ายประโยคเพื่อเน้นย้ำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Pronouns (Q&A)
Q: Pronoun กับ Noun ต่างกันอย่างไร?
A: Noun คือคำนามที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ส่วน Pronoun ใช้แทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำ
Q: Reflexive กับ Intensive ต่างกันอย่างไร?
A: Reflexive ใช้เมื่อประธานและกรรมเป็นบุคคลเดียวกัน ส่วน Intensive ใช้เพื่อเน้นย้ำ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโครงสร้างกรรม
Q: จำเป็นต้องใช้ Pronoun ทุกประโยคไหม?
A: ไม่จำเป็น แต่การใช้ Pronoun ทำให้ภาษากระชับและลดความซ้ำซ้อน
สรุป
Pronouns หรือคำสรรพนามเป็นหัวใจสำคัญของประโยคภาษาอังกฤษที่ช่วยให้การสื่อสารกระชับ เข้าใจง่าย และเป็นธรรมชาติ การเรียนรู้คำสรรพนามทั้ง 9 ประเภทจะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในการพูด อ่าน เขียน หรือฟัง ลองฝึกใช้ในบทสนทนาและบทความต่าง ๆ เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้จริง
หากคุณต้องการฝึกฝนเพิ่มเติม อย่าลืมลองทำแบบฝึกหัด หรือพูดออกเสียงพร้อมตัวอย่างประโยคจากบทความนี้ แล้วคุณจะจำ Pronouns ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

Sea